วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ตามหาคนเลือดกรุ๊ป Rh- (Rh negative)

ตามที่รู้รู้กันอยู่ว่า ในเมืองไทยสามารถหาคนที่มีหมู่โลหิตที่ไม่มีแอนติเจน ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดโลหิตแดง หรือ คนเลือดกรุ๊ป Rh- (Rh negative) นั้น ในคนไทยพบว่า มีหมู่โลหิตนี้เพียง 0.3% หรือ 1,000 คน จะพบเพียง 3 คนเท่านั้น

เราจึงมักเรียกว่า “หมู่โลหิตหายาก” หรือ “หมู่โลหิตพิเศษ” นั่นเองในการรับโลหิตนั้นถ้าผู้ป่วยมีหมู่โลหิตอาร์เอชบวก จะไม่ค่อยมีปัญหาเพราะมีถึง 99.7 % แต่ถ้าผู้ป่วยมีหมู่โลหิตอาร์เอชลบ จะมีปัญหา เพราะมีน้อยมากในคนไทย ฉะนั้นผู้ที่มีหมู่โลหิตชนิดนี้ต้องสนใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

ดังนั้น ผู้ใดที่ผ่านเข้ามาใน blog นี้ รบกวนแจ้งข้อมูล + เบอร์ติดต่อคนที่มีกรุ๊ปเลือดแบบนี้ เผื่อว่าจำเป็นต้องใช้ จะได้ขอความช่วยเหลือทัน รบกวนทุก ๆ ท่านด้วยนะครับ

ข้อมูลที่ต้องการ
  • ชื่อ - สกุล
  • อายุ
  • กรุ๊ปเลือด
  • ที่อยู่ในบัตรประชาชน และ ที่อยู่ปัจจุบัน
  • เบอร์ติดต่อ
  • ฯลฯ

***เจ้าของ blog หมู่เลือด A Rh+ ครับ แต่อยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ (ร่วมสร้างกุศลอันยิ่งใหญ่)

เลือด 1 ถุง ประกอบด้วยอะไรบ้าง


เลือด 1 ถุง 350 - 400 ซีซี ของคุณประกอบด้วยอะไรบ้าง
เลือดที่ได้รับบริจาค 1 ถุง (300-450 มล.) เมื่อนำไปปั่นแยกด้วยเครื่องปั่นชนิดพิเศษ จะได้ส่วนประกอบต่าง ๆ ได้แก่
  • เม็ดเลือดแดงเข้มข้น (Packed Red Cells)
  • เลือดที่มีเม็ดเลือดขาวน้อย (Leukocyte Poor Blood)
  • เกร็ดเลือดเข้มข้น (Platelet Concentrate)
  • พลาสมา-สดแแช่แข็ง (Fresh Frozen Plasma)
  • ไครโอปริซิปิเตท (Cryoprecipitate)
  • พลาสมา (Plasma)
  • ส่วนน้ำที่เหลือจากการแยกเม็ดเลือดแดงเข้มข้นออกจากเลือดแล้ว จะเหลือส่วนประกอบที่สำคัญ คือ โปรตีน และน้ำ

วันจันทร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การถ่ายทอดทางพันธุกรรม

การถ่ายทอดทางพันธุกรรม
โดยทั่วไปเมื่อพูดถึงหมู่โลหิต Rh แล้วจะหมายถึงเฉพาะยีนคู่แรก ซึ่ง D เป็นยีนที่ทำให้คนเรามีหมู่โลหิตเป็น Rh บวก หรือถ้าไม่มียีน D จะเป็น Rh ลบ คนที่มียีน DD หรือชนิด Dd จะเป็น Rh บวก กล่าวคือ มี D แอนติเจนบนเม็ดเลือดแดง ส่วนคนที่มียีนชนิด dd จะเป็น Rh ลบ ซึ่งมาจาก 3 กรณี ซึ่ง ศ.พญ.พิมล เชี่ยวศิลป์ ผู้ชำนาญการพิเศษ และผู้จัดการระบบคุณภาพ ก็ได้อธิบายไว้ดังนี้ค่ะคือ

1) พ่อและแม่มีหมู่โลหิต Rh บวก ทั้งคู่ เป็นยีนด้อยแฝงอยู่ (Dd)

2) พ่อ หรือ แม่ คนใดคนหนึ่ง มีหมู่โลหิต Rh บวก เป็นยีนด้อยแฝงอยู่ (Dd) และอีกฝ่ายหนึ่งมีหมู่โลหิต Rh ลบ

3) พ่อ และ แม่ ทั้งคู่มีหมู่โลหิต Rh-negative ซึ่งมียีนด้อย dd ทั้งสองคนสำหรับ การป้องกันนั้น ทุกคนควรที่จะไปตรวจเลือดให้ได้แน่นอนเสียก่อนว่าโลหิตมีอาร์เอช ลบหรือไม่

อย่างไรก็ตามการดำเนินชีวิตก็เหมือนบุคคลธรรมดาทั่วไป เพียงแต่ต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดอุบัติเหตุร้างแรง หรือทำอะไรเสี่ยง ๆ จนทำให้เกิดเลือดตกยางออก เพราะว่าหากเสียโลหิตมากๆ การหาโลหิตทดแทนค่อนข้างลำบาก เป็นที่ทราบแล้วคนไทยมีหมู่โลหิตพิเศษนี้น้อยมาก การบริจาคก็น้อยด้วย ปัจจุบันจากทะเบียนจำนวนผู้บริจาคโลหิตที่ศูนย์บริการโลหิตฯ มีเพียงประมาณ 5,000 คน เท่านั้น

ฉะนั้นก็ขอฝากประชาชนชาวไทยทุกคน ไม่ควรจะตั้งอยู่บนความประมาณ เสียเวลาสักนิดไปตรวจหมู่โลหิตตามสถานพยาบาลต่าง ๆ เพื่อที่จะได้ทราบว่าท่านมีหมู่โลหิตอะไร หากเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้โลหิต จะได้ช่วยได้อย่างทันท่วงที แต่ถ้าอยากจะทำบุญกุศลเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่นด้วยแล้ว ก็มาบริจาคโลหิต การบริจาคโลหิตจะตรวจหมู่โลหิต ทั้งระบบ ABO ระบบ Rh- และยังตรวจทางห้องปฏิบัติการหาเชื้อทางโลหิต อีก 4 ตัวด้วยกัน คือ ไวรัสตับอับเสบบี , ไวรัสตับอับเสบ ซี, ซิฟิลิส, ไวรัสเอดส์ ให้อีกด้วย แต่คุณสมบัติของผู้บริจาคโลหิตได้ ต้องอายุ 17-60 ปี, น้ำหนัก 45 กิโลกรัมขึ้นไป, ไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ ทั้งสิ้น, นอนพักผ่อนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง,รับประทานอาหารมาก่อนบริจาคโลหิต ฯลฯ

***การบริจาคโลหิตเป็นอีกทางหนึ่งที่จะทำให้รู้ว่าโลหิตของท่านเป็นหมู่โลหิตใด ทั้งยังเป็นการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วย

ความสำคัญของหมู่โลหิตอาร์เอชลบ (Rh-negative)

ความสำคัญของหมู่โลหิตอาร์เอชลบ (Rh-negative)
ถ้าผู้ป่วยที่มีหมู่โลหิตอาร์เอชลบ (Rh-negative) จำเป็นต้องรับโลหิตในการรักษาพยาบาลจะต้องรับโลหิตอาร์เอชลบเหมือนกัน เพื่อป้องกันการกระตุ้นผู้ป่วยให้สร้างแอนติบอดีต่อสารดี แต่ถ้าหากจำเป็นต้องรับโลหิตกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถจัดหาโลหิตอาร์เอชลบให้ ได้และตรวจไม่พบแอนติ-ดีในโลหิตผู้ป่วย ผู้ป่วยรายนั้นสามารถรับโลหิตอาร์เอชบวก (หมู่โลหิตปกติ Rh-positive) เป็นการช่วยชีวิตได้ แต่ครั้งต่อ ๆ ไปจะรับโลหิตอาร์เอชบวกไม่ได้อีกแล้วจำเป็นต้องรับโลหิตอาร์เอชลบเท่านั้น เพราะผู้ป่วยอาจจะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมาแล้ว ซึ่งถ้าหากรับโลหิตอาร์เอชบวกเข้าไปอีกจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านขึ้นมา คือ ภูมิต้านทานที่ร่างกายสร้างจะไปทำลายเม็ดโลหิตแดงอาร์เอชบวก อาจทำให้ผู้ป่วยเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

ในกรณีที่มีมารดาที่มี หมู่โลหิตอาร์เอชลบ แต่บิดามีหมู่โลหิตอาร์เอชบวก ในกรณีมารดาตั้งครรภ์แรกและลูกในครรภ์มีหมู่โลหิตอาร์เอชบวกเหมือนพ่อ เม็ดโลหิตแดงของลูกมีโอกาสเข้าไปสู่กระแสโลหิตของมารดาได้ในระหว่างมีการ หลุดลอกตัวของรก มารดาก็จะสร้างภูมิต่อต้านเม็ดโลหิตของลูกขึ้นลูกแรกจะปลอดภัย ถ้าตั้งครรภ์ในท้องถัดมาหากลูกในครรภ์มีหมู่โลหิตอาร์เอชลบเหมือนแม่ก็จะไม่ มีปัญหา แต่ถ้าลูกมีหมู่โลหิตอาร์เอชบวกจะส่งผลให้ภูมิต่อต้านที่มารดาสร้างขึ้นหลัง คลอดลูกคนแรกไปทำลายเม็ดโลหิตแดงของลูกคนที่สองและคนต่อๆ ไปได้ ถ้ามีหมู่โลหิตอาร์เอชบวก ทำให้ลูกเกิดอาการตัวเหลือง ตาเหลืองและรายรุนแรงอาจตายในครรภ์ได้ ดังนั้นก่อนที่จะตั้งครรภ์ มารดาที่มีหมู่โลหิตอาร์เอชลบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเตรียมการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่ลูกได้

ระบบหมู่เลือด Rh

1. เป็นระบบหมู่เลือดที่สำคัญรองลงมาจากหมู่เลือด ABO

2.แอนติเจน Rh เป็นแอนติเจนบนเม็ดเลือดแดงของคนที่เหมือนกับแอนติเจนบนเม็ดเลือดแดงของลิง Rhesus โดยที่ Landsteiner และWiener เป็นผู้ค้นพบว่า rabbit antisera ต่อเม็ดเลือดแดงของลิง Rhesus สามารถทำให้เม็ดเลือดแดงของคนส่วนใหญ่จับกลุ่มได้ คนเหล่านี่จัดว่าเป็นหมู่เลือด Rh+ve

3.แอนติเจน D เป็นแอนติเจนที่แรงกว่าแอนติเจนตัวอื่นในระบบเดียวกัน เมื่อกล่าวถึงว่าเป็นหมู่เลือด Rh+ve หมายถึงบนผิวเม็ดเลือดแดงนั้นมี D-antigen อยู่ ส่วนหมู่เลือด Rh-ve หมายถึงการไม่มี D-antigen บนผิวเม็ดเลือดแดง

4.ในคนไทยประมาณมากกว่าร้อยละ 99 เป็นหมู่เลือด Rh+ve และประมาณ 1:500 เป็นหมู่เลือด Rh-ve

5.ปัญหาอาจจะเกิดขึ้นได้กับคนที่มีหมู่เลือด Rh-ve ถ้าหากได้รับเลือดที่เป็นหมู่ Rh+ve เข้าไป ในครั้งแรกจะยังไม่มีปฏิกริยาอะไรเกิดขึ้น แต่ร่างกาย ซึ่งเดิมไม่มีแอนติบอดีย์ต่อ D-antigen มาก่อน จะเริ่มสร้างแอนติบอดีต่อ D antigen ขึ้นมาในร่างกาย ต่อเมื่อมีการได้รับเลือดที่เป็น Rh+ve อีกครั้ง คราวนี้จะเกิดปฏิกริยาระหว่าง D antigen บนเม็ดเลือดแดงของผู้ให้ กับแอนติบอดีบ์ต่อ D antigen ที่เกิดขึ้นในร่างของผู้รับ เกิดการจับกลุ่มเป็นตะกอนของเม็ดเลือด เกิดการแตกของเม็ดเลือดซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้รับเลือดได้

โลหิตเป็นสิ่งที่มีความสำคัญที่สุดต่อชีวิตมนุษย์และสัตว์โลก เมื่อขาดโลหิตทุกชีวิตต้องตาย เปรียบได้กับต้นไม้ที่ต้องการน้ำล่อเลี้ยงชีวิต หากขาดน้ำวันใดก็คงเหี่ยวเฉาแห้งตายไปในที่สุด นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างได้พยายามค้นคว้าวิจัยมาเป็นเวลานาน ในการหาสารประกอบอื่น ๆ ที่จะนำมาใช้ทดแทนโลหิตในร่างกาย แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ด้วยเพราะโลหิตมีความสำคัญมากถึงเพียงนี้เอง คนเรา ทุกคนจึงควรต้องทราบหมู่โลหิตของตนเองว่าเป็นหมู่โลหิตใด เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะหมู่โลหิตที่หายากหรือพบได้น้อย เพื่อที่แพทย์จะได้รีบหาหมู่โลหิตที่เข้ากันได้ทันท่วงที

การจำแนกหมู่โลหิตระบบอาร์เอช (Rh)หมู่โลหิตนี้จะมีสารโปรตีนที่อยู่บนผิวของเม็ดโลหิตแดง ซึ่งเรียกว่า แอนติเจน-ดี (Antigen D) เป็นตัวบ่งบอกหมู่โลหิตระบบนี้ (Rh) ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 หมู่ คือ
1. หมู่โลหิตระบบอาร์เอช บวก (Rh positive) คือ หมู่โลหิตที่มีแอนติเจน ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดโลหิตแดง ในคนไทยมีหมู่โลหิตอาร์เอชบวก ประมาณ 99.7%
2. หมู่โลหิตระบบอาร์เอช ลบ (Rh negative) คือ หมู่โลหิตที่ไม่มีแอนติเจน ดี (Antigen-D) อยู่ที่ผิวของเม็ดโลหิตแดง ในคนไทยพบว่ามีหมู่โลหิตนี้เพียง 0.3% หรือ 1,000 คน จะพบเพียง 3 คนเท่านั้น เราจึงมักเรียกว่า “หมู่โลหิตหายาก” หรือ “หมู่โลหิตพิเศษ” นั่นเองในการรับโลหิตนั้นถ้าผู้ป่วยมีหมู่โลหิตอาร์เอชบวก จะไม่ค่อยมีปัญหาเพราะมีถึง 99.7 % แต่ถ้าผู้ป่วยมีหมู่โลหิตอาร์เอชลบ จะมีปัญหา เพราะมีน้อยมากในคนไทย ฉะนั้นผู้ที่มีหมู่โลหิตชนิดนี้ต้องสนใจและให้ความสำคัญเป็นพิเศษ

กรุ๊ปเลือด กับ นิสัย

คนกรุ๊ปเลือด A
เป็นผู้ไม่ชอบทะเลาะกับใครอันบุคคลที่มีเลือดกรุ๊ป A นั้น เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตนเอง จึงไม่ค่อยโต้เถียง หรือแสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับใคร เพราะเชื่ออยู่เสมอว่าความคิดของตนถูกต้องแล้ว จึงไม่ต้องไปขอความคิดเห็นจากใครอีก แต่ยังดีที่คนกรุ๊ปเลือด A ส่วนมากจะเป็นคนเอาใจเก่ง เห็นใจ และตามใจคนอื่นเสมอ

ดังนั้นโอกาสที่จะพบว่าเขาไปทำให้ขุ่นข้องหมองใจนั้นจึงไม่ค่อยได้ปรากฏให้เห็นบ่อยนัก แต่คนกรุ๊ปเลือด A ก็มีข้อเสียอยู่บ้าง ตรงที่เป็นคนขาดความคิดริเริ่ม ซึ่งหากเป็นชายที่บังเอิญได้หญิงฉลาด ทำงานเก่ง มาเป็นคู่ครอง ฝ่ายหญิงจะรู้สึกผิดหวังในตัวเขาอยู่บ้าง แต่สำหรับชาวกรุ๊ปเลือด A ที่เป็นหญิงแล้ว ลักษณะเช่นเดียวกันนี้ ก็อาจจะเป็นผลดีสำหรับเธอ เพราะทำให้เธอกลายเป็นแม่ศรีเรือน ถนัดในการดูแลบ้านช่อง ปรนนิบัติสามี อบรมบุตรหลาน เรียกว่า เพรียบพร้อมคุณสมบัติของความเป็นแม่บ้าน นั่นแหละแต่มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง สำหรับหญิงเลือดกรุ๊ป A นั่นก็คือ ในเวลาที่หัวใจของเธอมีความรักนั้น เธอจะรักชนิดทุ่มเทให้หมด ทั้งสี่ห้องหัวใจเลยทีเดียว แต่ถ้าเมื่อใดที่น้ำผึ้งเปลี่ยนรสจากหวานกลายเป็นขม เธอก็พร้อมที่จะสลัดคุณออกไปจากหัวใจ อย่างคนที่มีความเข้มแข็ง เพราะสำหรับเธอแล้ว ให้เจ็บปวดปางตายเสียยังจะดีกว่าต้องมางอนง้อ ขอให้ใครเมตตาสงสารนอกจากเป็นคนมีอารมณ์รุนแรงแล้ว สตรีเลือดกรุ๊ป A ยังเป็นคนที่รักสวยรักงาม ชอบแต่งตัวชนิดสาวสวยสมัยใหม่อยู่เสมอ แถมยังมีรสนิยมดีซะด้วย คือ สวยอย่างคนมีระดับ ว่างั้นเถอะ

คนกรุ๊ปเลือด B
คนกรุ๊ปเลือด B มีนิสัยร่าเริงเป็นสัญลักษณ์ตามตำราท่านว่า ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป B นั้น จะเป็นบุคคลที่พร้อมจะหัวเราะได้ทุกเวลา เพราะมีนิสัยร่าเริง รักอิสระเสรี ตามใจตัวเอง ไม่แคร์ต่อสายตาประชาชี ใครจะหมั่นไส้ ใครจะค้อนก็ช่าง ฉันพอใจเสียอย่าง ใครจะทำไม เพราะฉะนั้น คนกรุ๊ปเลือด B จึงชอบทำงานประเภท "วันแมนโชว์" คือ ไม่นิยมเข้าหุ้นกับใคร

ลักษณะนิสัยของคนกรุ๊ปเลือด B นั้นสามารถจะเป็นศิลปิน นักประพันธ์ หรือผู้สื่อข่าวที่ประสบความสำเร็จได้ หรือหากจะทำงานในองค์การใหญ่ โอกาสเป็นผู้บริหารก็มีมาก ทั้งนี้ก็เพราะเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยว ใจกว้าง และกล้าแสดงความคิดเห็น อย่างไม่หวั่นเกรงผู้ใด ผู้ชายในกรุ๊ปเลือด B จะเป็นคนประเภท สังคมเก่ง มีเพื่อนหญิงเป็นโหล ๆ แต่อย่าคิดว่า เขาเป็นคนไม่จริงจังกับความรักล่ะ เขาจริงจังมาก แต่เสียนิดเดียว คือเขาจะจริงจังไปหมดเสียทุกคน นี่สิถึงจะเป็นปัญหา ส่วนผู้หญิงที่มีเลือดกรุ๊ปบีนั้น ก็เก่งไม่แพ้ผู้ชายเหมือนกัน คือ หัวใจไม่เคยว่าง ชอบเข้าสังคม ไม่แคร์เสียงนกเสียงกา แต่ถ้าเธอลองปักใจรักใครเข้าสักคนละก็ ใจเธอจะแน่วแน่มั่นคง ไม่มีวันเสื่อมคลายเชียวหล่ะ แต่แย่หน่อยนะ ตรงที่เธอเป็นคนชอบเพ้อฝัน รักความหรูหราฟู่ฟ่า ไม่ค่อยเห็นความสำคัญของขนบธรรมเนียมประเพณีเท่าใดนัก แถมเป็นคนเอาอะไรก็จะเอาให้ได้ โดยไม่สนใจว่าจะต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไร เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกที่บางครั้งเจ้าหล่อนจะถึงขั้นขายเพื่อน หรือไม่ก็ขายตนเอง เพียงเพื่อยกตัวเองให้ไปถึงจุดสุดยอดตามที่ต้องการ

คนกรุ๊ปเลือด O
คนกรุ๊ปเลือด O เป็นบุคคลผู้มีความสุขุมเยือกเย็นอันที่จริงนิสัยทั่วไปของคนกรุ๊ปเลือด O ก็คล้ายนิสัยของผู้ชายทั่ว ๆ ไปนั่นแหละคือมีความสุขุมรอบคอบ ตัดสินใจด้วยเหตุผล เชื่อมั่นสมองมากกว่าหัวใจ ไม่ชอบเพ้อฝัน และค่อนข้างไปทางวัตถุนิยมหน่อย ๆ ดังนั้น คนที่มีเลือดกรุ๊ป O จึงมักเป็นบุคคล ที่มีงานทำเป็นหลักเป็นฐาน แถมหน้าที่การงาน ก็มักจะดีเป็นพิเศษซะด้วย เช่น เป็นทนายความ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชี หรืออะไรก็ตามที่มีความมั่นคงมาก ๆ

โดยปกติแล้ว คนกรุ๊ปเลือด O เป็นคนไม่ค่อยมีจินตนาการเท่าใดนัก ความคิดความอ่าน ตลอดจนการกระทำของพวกเขา จะตั้งอยู่บนรากฐาน ของความจริงเสมอ คือถ้าตาไม่ได้เห็น มือไม่ได้จับละก็ อย่าหวังว่าเขาจะยอมเชื่อ และคงเพราะเหตุนี้กระมัง พวกเขาจึงสามารถสร้างครอบครัวได้เป็นปึกแผ่น ไม่เหลวเป็นน้ำ เหมือนพวกชอบฝันกลางแดด แม้ว่าจะเป็นคนเค็มนิด ๆ ก็เถอะ แต่คนกรุ๊ปเลือด O ก็มีนิสัยโอบอ้อมอารี รักเพื่อนพ้อง เป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี เป็นกำลังสำคัญ ของหน่วยงาน และเป็นที่รักใคร่ โปรดปรานของเจ้านาย ส่วนหญิงที่มีเลือดกรุ๊ป O นั้น ก็เป็นคนที่จริงจังต่อชีวิตและความรัก ยินดีต่อการได้เป็นภรรยาและแม่เพราะเธอมีความคิดที่จะอุทิศร่างกาย และวิญญาณเพื่อคนที่เธอรักอยู่แล้ว เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็อย่าเข้าใจผิด คิดว่าผู้หญิงกรุ๊ปเลือด โอ จะใจง่าย มอบกายให้ใครเชยชมง่าย ๆ ตรงกันข้าม เธอเป็นคนรักนวลสงวนตัวจนบางครั้งถูกหาว่าโบราณคร่ำครึด้วยซ้ำ แต่ถ้าชายที่มารักเธอนั้น มีความเข้าใจ และหัวเก่าพอ ๆ กับเธอละก็ เขาจะเป็นคนที่โชคดีทีเดียวล่ะ ที่ได้หญิงที่มีความรักความจริงใจ อย่างเธอไปเป็นคู่ครอง

คนกรุ๊ปเลือด AB
คนกรุ๊ปเลือด เอบี คนที่ไม่มีความแน่นอน เวลาจะให้คนที่มีกรุ๊ปเลือด AB ตัดสินใจอะไรสักอย่าง เขามักจะทำให้เราผิดหวัง หรือไม่เข้าใจในตัวเขา อยู่เสมอ ทั้งนี้ ก็เพราะคนเลือดกรุ๊ป AB นั้น เป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหว คิดมาก หรือไม่ก็คิดไกลจนคนอื่นตามไม่ทัน เป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดไม่อาจเดาใจได้ถูก คนกรุ๊ปเลือด AB เป็นคนแปลก เวลาที่ประสบความสำเร็จ เขาจะผยองลำพอง โอ้อวดความสามารถของตนไปทั่ว แต่ถ้าพบกับความผิดหวังแม้เพียงน้อยนิด เขาก็จะกลับกลายเป็นคนละคน ปิดประตูลั่นกุญแจ ตีอกชกหัวอยู่คนเดียว แม้ใครจะปลอบใยน ก็ไม่ยอมคลายความเศร้าโศก ซึ่งนิสัยประหลาดแบบนี้ แม้แต่เจ้าตัวของคนกรุ๊ปเลือด AB เองก็ให้คำอธิบายไม่ได้เหมือนกันว่า เพราะเหตุใดกันแน่ และเพราะความไม่เข้าใจตัวเองนี่แหละที่ทำให้บางครั้งก็เกิดปัญหา เช่น เขาไม่สามารถ ควบคุมอารมณ์ หรือความคิดของตนเองได้

แต่จะอย่างไรก็ตาม คนเลือดกรุ๊ป AB ก็เป็นคนมีใจเมตตา เห็นใจในความทุกข์ของผู้อื่นเสมอ และยินดีเสนอตัว เข้าช่วยแก้ปัญหาให้ แต่การช่วยเหลือของเขานั้น ออกจะน่ากลุ้มอยู่สักหน่อย คือเขาจะถือความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ สมมติตัวเป็นเจ้าทุกข์ หรือเจ้าของปัญหาเสียเอง เรียกว่าถ้าจะให้ช่วยก็ยินดี แต่ต้องช่วยด้วยวีธีของฉันนะ

ในด้านอารมณ์นั้น คนเลือดกรุ๊ป AB จัดว่าเป็นบุคคลประเภทอารมณ์รุนแรง รักใครก็รักสุดขั้วหัวใจ เกลียดใครก็เกลียด เข้ากระดูกดำไปเลย แต่ถึงกระนั้น คนกรุ๊ปเลือด AB ก็มีความเป็นอัจฉริยะอยู่ไม่น้อย เพราะเขามีสมองที่ปราดเปรื่อง สามารถประดิษฐ์ คิดค้นสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ ที่จะนำชื่อเสียงมาสู่เขาและวงศ์ตระกูลได้ แต่คนเลือดกรุ๊ป AB มักไม่ประสบความสำเร็จในการขอร้องใคร กล่าวคือ ถ้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือสักสิบครั้ง จะถูกปฎิเสธเสียเก้าครั้ง ทั้งนี้อาจจะเพราะ คนอื่นเขาเข็ดขยาด ในความไม่แน่นอนของแก ก็เลยขี้เกียจพาตัวเข้าไปข้องแวะด้วย ส่วนในด้านของความรักนั้น เนื่องจากคนกรุ๊ปเลือด AB ไม่ค่อยมีความจริงใจต่อเพศตรงข้ามเท่าใดนัก ความรักจึงไม่ค่อยยั่งยืนเท่าที่ควร

กรุ๊ปเลือด กับการกินอาหาร

Dr.Peter J.D'Adamo ได้เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม เพื่อเผยแพร่แนวความคิดเกี่ยวกับการกินอาหารให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด เล่มหนึ่งที่โดดเด่นของเขามีชื่อว่า Eat Right For Your Type ได้อธิบายว่า เม็ดเลือดทั้ง 4 กรุ๊ปของคนเรามีรายละเอียดที่แตกต่างกัน อาหารของคนแต่ละกรุ๊ปเลือด
กรุ๊ป O
Dr.Peter J.D'Adamo ได้อธิบายที่มาของคนกรุ๊ปเลือด O ว่า เป็นกรุ๊ปเลือดที่เก่าแก่ที่สุด โดยมาจากมนุษย์กลุ่มแรกของโลก ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์ และกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร จัดว่าเป็นกลุ่มคนที่ค่อนข้างแข็งแรง อาหารหลักของคนกลุ่มนี้ คือ อาหารประเภทเนื้อสัตว์ เนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของคนเลือดกรุ๊ป O มีความเป็นกรดสูง จึงสามารถย่อยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้โดยง่าย สามารถกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์โดยไม่มีปัญหา เมื่อเทียบกับคนเลือดกรุ๊ปอื่น ๆ

ดังนั้น อาหารที่ควรเลี่ยงคือ อาหารที่จะเข้าไปเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารให้มากขึ้นโดยไม่จำเป็น เช่น เครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือ ผลไม้ ที่มีความเป็นกรดสูง
จากหนังสือ Dr.Peter J.D'Adamo กล่าวว่า คนกรุ๊ปเลือดนี้ มีลักษณะของความเป็นผู้นำสูง มุ่งมั่น จริงจัง เข้มแข็ง อดทนอดกลั้น และชอบวางแผน เป็นกรุ๊ปเลือดที่เหมาะกับการออกกำลังกายหนักๆ ได้เกือบทุกประเภท เพราะเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างแข็งแรง เลือดไหลเวียนดี อัตราการเต้นของหัวใจสูง จึงควรออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 4 ครั้ง
กรุ๊ป A
เป็นกลุ่มที่พัฒนามาจากคนเลือดกรุ๊ป O คือ โดยเมื่อหมดยุคล่าสัตว์ ก็เริ่มต้นตั้งถิ่นฐาน และรู้จักการเพาะปลูกพืช กินผัก ผลไม้ เป็นอาหารหลักแทนเนื้อสัตว์ ลักษณะเด่นของคนกลุ่มนี้ จะตรงกันข้ามกับคนเลือดกรุ๊ป O คือ น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร มีความเป็นกรดต่ำ หากกินอาหารประเภทเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อแดง เข้าไปมาก ๆ จะทำให้ย่อยยาก จึงไม่เหมาะกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น ไส้กรอก แฮม กุนเชียง ฯลฯ และอาหารประเภท นม เนย ไข่ ก็จัดเป็นอาหารที่กินได้เป็นครั้งคราว เพราะมีโปรตีนที่ย่อยยากเช่นกัน ซึ่งอาจเลี่ยงมาเป็นการกินน้ำนมถั่วเหลืองแทน

อาหารที่เหมาะกับคนกลุ่มนี้ที่สุด คือ ผักและผลไม้ ซึ่งควรจะกินให้มากกว่าอาหารประเภทอื่น เมล็ดธัญพืชเป็นแหล่งโปรตีนที่สามารถชดเชยโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ดี โดยเฉพาะถั่วเหลือง ถั่วลิสง เครื่องดื่มประเภทกาแฟ มีสรรพคุณเพิ่มกรดในกระเพาะ ส่วนชาเขียว ช่วยในการย่อยอาหารได้
คนกลุ่มนี้มักเป็นคนมีอารมณ์อ่อนไหวง่าย ชอบความสมบูรณ์แบบ บางครั้งชอบเรียกร้อง และครุ่นคิดกับเรื่องตัวเอง แต่ก็มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สูง และให้ความร่วมมือกับผู้อื่นดี เป็นกลุ่มที่เหมาะกับกินอาหารแบบมังสวิรัตที่สุด แต่มักเจ็บป่วยง่าย
ดังนั้น จึงควรป้องกันเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ และดูแลระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งการออกกำลังกายจะช่วยได้ แต่คนกรุ๊ปเลือดนี้ ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายแบบหนักๆ เพราะธรรมชาติมักเป็นคนเหนื่อยง่าย จึงควรเลือกเล่นกีฬาเบา ๆ เช่น โยคะ รำมวยจีน กอล์ฟ เต้นรำยืดกล้ามเนื้อ เป็นต้น
กรุ๊ป B
หลังจากมนุษย์ได้ตั้งถิ่นฐานและเพาะปลูก และเริ่มเลี้ยงสัตว์เอง กินเนื้อและนม ของสัตว์ที่เลี้ยงไว้ ร่างกายได้มีวิวัฒนาการมากขึ้น จนเกิดเป็นกลุ่มเลือดกรุ๊ป B คนกลุ่มนี้ จึงค่อนข้างจะกินอาหารได้หลากหลาย ทั้งผัก ผลไม้ นม เนยไข่ (ได้ไม่มากนัก) และเนื้อสัตว์ ซึ่งจะมีก็แต่เนื้อไก่เท่านั้นที่มีสารเลกตินไม่เข้ากับกรุ๊ปเลือด

กรุ๊ปเลือดนี้ มักมีปัญหาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่องและไวรัส อาหารที่ควรได้รับเป็นพิเศษ ได้แก่ ผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ เนื่องจากมีแมกนีเซียม ช่วยป้องกันโรคผื่นคัน อาหารที่มีแคลเซี่ยมสูง เครื่องดื่มสมุนไพรอย่างชาเขียว จัดว่าส่งผลดีต่อเลือดกรุ๊ปนี้อย่างมาก การออกกำลังกายจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น หากเน้นเรื่องทำสมาธิและผ่อนคลายจิตใจควบคู่ไปด้วย จะดีมาก คนกรุ๊ปเลือด B มักมีนิสัยรักอิสระ ไม่ขึ้นอยู่กับใคร มีความคิดสร้างสรรค์ เป็นนักวางแผน เชื่อมั่นและเป็นตัวของตัวเอง แต่ก็ยืดหยุ่น ประนีประนอม ไม่แข็งกร้าว ซึ่งก็จะเข้ากับคนอื่น ๆ ได้ดี
กรุ๊ป AB
เป็นกลุ่มที่มีวิวัฒนาการซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดหลังสุด ค้นพบเมื่อประมาณ 1,000 - 1,500 ปีมานี้เอง มีลักษณะคล้ายกรุ๊ป A และกรุ๊ป B รวมกัน

ดังนั้น อาหารที่ดีต่อคนกรุ๊ปเลือด A และ B ก็จะดีต่อคนกรุ๊ปเลือด AB ด้วย แต่ก็มีอาหารหลายอย่าง ที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น เนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก อาหารประเภทไส้กรอก แฮม กุนเชียง เพราะกระเพาะอาหารองคนกรุ๊ปเลือดนี้ ไม่สามารถผลิตน้ำย่อยโปรตีนได้ดีเท่ากรุ๊ป O โปรตีนที่เหมาะสม ควรมาจากเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย เช่น เนื้อปลา นม และผลิตภัณฑ์จากนม อาหารทะเล สาหร่าย เต้าหู้ ไข่ แต่ต้องไม่กินในปริมาณมากนัก ถั่วที่มีคุณค่าต่อคนกรุ๊ปเลือดนี้ คือ ถั่วลิสง ถั่วเหลือง สามารถกินทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์ได้ คนเลือดกรุ๊ป AB นี้มีระบบภูมิคุ้มกันค่อนข้างอ่อนแอ จึงควรกินผักและผลไม้สดมาก ๆ เช่น ชาเขียว ไวน์แดง เป็นเครื่องดื่มที่ได้ผลดีต่อคนกลุ่มนี้
คนกรุ๊ปเลือด AB มักเป็นกลุ่มที่มีอารมณ์อ่อนไหวง่าย แต่ก็น่าไว้วางใจ มีมนุษยสัมพันธ์ดี เข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นได้ดี เป็นกรุ๊ปที่ไม่เหมาะกับการออกกำลังกายแบบใช้แรงมากเช่นเดียวกับกรุ๊ปเลือด A แต่ควรสลับกับการออกกำลังกายที่ใช้แรงบ้าง เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย นากจากนี้ การทดลองของ Dr.Peter J.D'Adamo ยังพบว่า เลกตินของเนื้อหมู มะพร้าว แป้งขัดขาว ไม่เข้ากับกรุ๊ปเลือดใด ๆ เลย
*** แต่ที่สำคัญ หากจะรับไปปฏิบัติคงต้องทำความเข้าใจ อย่างละเอียดเสียก่อน เพื่อให้ทางที่เลือกนี้ เป็นทางที่ถูกและปลอดภัยสำหรับตัวคุณเอง.

กรุ๊ปเลือด คืออะไร

กรุ๊ปเลือด
เลือดของคนเรานั้น แบ่งออกเป็น 4 กรุ๊ป ตามระบบ เอบีโอ (ABO system) ได้แก่ กรุ๊ป A, กรุ๊ป B, กรุ๊ป AB และกรุ๊ป O โดยการถ่ายเลือดให้กับคนอื่นนั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อ แอนติเจน และแอนติบอดี ของเลือดตรงกัน หรือเข้ากันได้ หลักเกณฑ์ในการถ่ายเลือดมีดังนี้



  • คนที่มีเลือดกรุ๊ป A มีแอนติเจน A และมีแอนติบอดี B สามารถรับเลือดกรุ๊ป A และ O ได้


  • คนที่มีเลือดกรุ๊ป B มีแอนติเจน B และแอนติบอดี A สามารถรับเลือดกรุ๊ป B และ O ได้



  • คนที่มีเลือดกรุ๊ป AB มีทั้งแอนติเจน A และ B แต่จะไม่มีแอนติบอดี สามารถรับได้ทุกกรุ๊ป แต่ให้ใครไม่ได้เลย

  • คนที่มีเลือดกรุ๊ป O ไม่มีแอนติเจน แต่มีแอนติบอดีทั้ง A และ B สามารถให้เลือดได้กับทุกกรุ๊ป แต่รับได้เฉพาะเลือดกรุ๊ปเดียวกันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เลือดกรุ๊ป O จึงได้ชื่อว่าเป็นนักบุญนั่นเอง


กรุ๊ปเลือดเหล่านี้ ถูกกำหนดโดยพันธุกรรม โดยลูกจะมีเลือดอยู่ในกลุ่มที่ตรงกับพ่อ หรือแม่ อย่างน้อยคนใดคนหนึ่ง การตรวจเลือดจึงมักเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่ง ในการพิสูจน์หาพ่อแม่ที่แท้จริงนั่นเอง

นอกจากนี้ หลายคนอาจมีความสงสัยว่า เวลาไปตรวจเลือด คุณหมอมักจะเขียนตัวภาษาอังกฤษสองตัวต่อจากผลกรุ๊ปเลือดด้วย เช่น กรุ๊ป O Rh+ หรือกรุ๊ป A Rh- เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการบอกชนิดของแอนติเจนที่พบในเลือดอีกชนิดหนึ่ง นอกจากแอนติเจน A และ B เรียกว่า อาร์เอชแฟกเตอร์ (Rh factor) แอนติเจนชนิดนี้ มีอยู่ในพลเมืองโลก ประมาณ 85% ส่วนที่เหลือไม่มี ดังนั้น คนที่ตรวจพบว่ามีอาร์เอชแฟกเตอร์อยู่ คุณหมอก็จะเขียนต่อท้ายกรุ๊ปเลือดว่า Rh+ แต่สำหรับคนที่ไม่มีแอนติเจนชนิดนี้ ก็จะถูกระบุว่า Rh-

ข้อมูลเหล่านี้ เป็นสิ่งที่เราควรต้องรู้ไว้อย่างยิ่ง หากผู้หญิงที่มีกรุ๊ปเลือด Rh- แต่งงานกับผู้ชายกรุ๊ปเลือด Rh+ จะทำให้ทารกในครรภ์ได้รับอันตราย เพราะแอนติบอดีในเลือดของแม่อาจถ่ายผ่านไปยังเลือดของทารกที่มีอาร์เอชแฟกเตอร์ แล้วทำปฏิกิริยาต่อกัน อาจถึงกับแท้งได้ ซึ่งหากเกิดกรณีนี้ ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทารกปลอดภัย ดังนั้น ก่อนจะตัดสินใจมีลูก สามี-ภรรยา ควรจูงมือกันไปตรวจเลือดเพื่อลดความเสี่ยงเหล่านี้

นอกจากนี้ คนที่มีกรุ๊ปเลือด Rh- ไม่สามารถรับเลือดที่มี Rh+ ได้ ไม่เช่นนั้น จะเป็นอันตรายถึงชีวิต และเนื่องจากกรุ๊ปเลือด Rh- หาได้ยากมาก เมื่อมีอุบัติเหตุฉุกเฉินกับคนเหล่านี้ขึ้น จึงต้องขอความช่วยเหลือจากธนาคารเลือด หรือขอบริจาคจากคนที่กรุ๊ปเลือดเดียวกัน ที่เราได้ยินบ่อย ๆ ทางสถานีวิทยุ นั่นเอง ไม่เพียงเท่านั้น การศึกษาเกี่ยวกับกรุ๊ปเลือดที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากของ Dr.Peter J.D'Adamo นายแพทย์ด้านธรรมชาติบำบัด ชาวสหรัฐอเมริกา ยังค้นพบอีกว่า การกินอาหารและใช้ชีวิตที่เหมาะสมกับคนกรุ๊ปเลือดนั้น ๆ สามารถช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้

Dr.Peter J.D'Adamo ได้เขียนหนังสือออกมาหลายเล่ม เพื่อเผยแพร่แนวความคิดเกี่ยวกับการกินอาหารให้เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือด เล่มหนึ่งที่โดดเด่นของเขามีชื่อว่า Eat Right For Your Type ได้อธิบายว่า เม็ดเลือดทั้ง 4 กรุ๊ปของคนเรามีรายละเอียดที่แตกต่างกัน อาหารของคนแต่ละกรุ๊ปเลือด

เลือด คือ อะไร

เลือด
ในร่างกายของคนเรา จะประกอบด้วยเลือดอยู่ประมาณ 3.8 - 4.9 ลิตร หรือคิดเป็นร้อยละ 7 (7%) ของน้ำหนักตัว ซึ่งในเลือดจะมีพลาสมาเป็นส่วนประกอบ มีปริมาณถึงร้อยละ 55 (55%) ของเลือด
พลาสมา มีลักษณะเป็นของเหลวสีเหลืองที่ประกอบด้วยสารอาหารต่าง ๆ ฮอร์โมน แอนติบอดี และของเสีย ทำหน้าที่ช่วยให้เม็ดเลือดไหลเวียนไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย ส่วนเม็ดเลือดมีอยู่ 3 ชนิด ได้แก่
  • เกร็ดเลือด เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยให้เลือดจับตัวเป็นลิ่ม เพื่อปิดที่ปากบาดแผล (ถ้าเกร็ดเลือดมีน้อย จะทำให้ เมื่อเกิดบาดแผลจะเลือดไหลออกจนหมดตัวได้)
  • เม็ดเลือดขาว ช่วยกำจัดแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อโรค ซึ่งเป็นศัตรูต่าง ๆ ของร่างกาย ถือเป็นตัวภูมิคุ้มกันที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ
  • เม็ดเลือดแดง ที่เราเห็นเป็นสีแดงของเลือดนั้น แท้จริงแล้วคือ ฮีโมโกบิน (Hemoglobin) เป็นเม็ดสีที่ประกอบด้วย ธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่จับโมเลกุลของออกซิเจน (ฮีโมโกบิน 1 โมเลกุล สามารถจับออกซิเจนได้ถึง 4 โมเลกุล) ช่วยลำเลียงออกซิเจนไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย และทำหน้าที่ถ่ายเทคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ว่ากันว่า ในร่างกายของเรานั้น มีเม็ดเลือดแดงอยู่ประมาณ 25 ล้านล้านเม็ด เลยทีเดียว ในเม็ดเลือดแดง มีโปรตีนสำคัญชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอนติเจน ซึ่งเป็นสารที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี ซึ่งสารทั้งสองนี้ มีความสำคัญในการถ่ายเทเลือด จากอีกคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง เพราะหากแอนติเจนกับแอนติบอดีเข้ากันไม่ได้แล้ว ผู้ที่ได้รับการถ่ายเลือดอาจเสียชีวิตได้